วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชนิดเมฆ (Cloud Type)

             ชนิดของเมฆ เป็นสัญญาณที่สำคัญของกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศ เมฆชี้ให้เห็นถึงอากาศชื้นที่กำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้น และอาจจะมีหยาดน้ำฟ้าเกิดขึ้นได้ เมฆมักให้สัญญาณว่าสภาพอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เมฆที่มีฐานเมฆสีเทา-ดำ มักจะทำให้เกิดฝนตก
 
การเรียกชื่อเมฆ
               การเรียกชื่อเมฆจะเรียกตามระดับความสูงและลักษณะรูปร่างของก้อนเมฆ ซึ่งเมฆสามารถแบ่งตามระดับความสูง (Altitude) ของฐานเมฆ (Cloud Base) ได้ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
1. เมฆระดับสูง เรียกว่า เซอร์โร (Cirro) หรือเซอร์รัส (Cirrus) ในบริเวณแถบโซนร้อนจะอยู่ที่ความสูง 6,000 - 18,000 เมตร (20,000 - 60,000 ฟุต) ขึ้นไป จึงทำให้เห็นเมฆชนิดนี้มีขนาดเล็กกว่าเมฆชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่จะมีสีขาวหรือเทาอ่อน และเกิดขึ้นในบรรยากาศที่คงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เป็นเมฆซึ่งไม่ทำให้เกิดฝน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
 
2. เมฆระดับกลาง เรียกว่า อัลโต (Alto) ในบริเวณแถบโซนร้อนจะอยู่ที่ความสูงระหว่าง 2,000 - 8,000 เมตร (6,500 -26,000 ฟุต) มีส่วนประกอบหลักคือ หยดน้ำ และมีน้ำแข็งบางส่วน แสงอาทิตย์ส่องผ่านเมฆชนิดนี้ได้
 
3. เมฆระดับต่ำ เรียกว่า สตราโต (Strato) อยู่ใกล้ผิวโลกมากที่สุด ในบริเวณแถบโซนร้อนจะอยู่ที่ความสูงไม่เกิน 2,000 เมตร (ผิวพื้น - 6,500 ฟุต) จะสามารถมองเห็นว่ามีขนาดใหญ่กว่าเมฆชนิดอื่นๆ เมฆในกลุ่มนี้อาจจะมีสีดำและเป็นสีเทามากกว่าเมฆในระดับกลางและระดับสูง
 
 
เมฆแบ่งตามลักษณะรูปร่าง
     เมฆแบ่งตามลักษณะรูปร่างได้ 2 แบบ คือ
     1. เมฆก้อน เรียกว่า คิวมูโล (Cumulo) หรือคิวมูลัส (Cumulus) มีลักษณะเป็นก้อนรวมตัวกันคล้ายปุยฝ้ายหรือดอกกะหล่ำ
     2. เมฆแผ่น เรียกว่า สตราโต (Strato) หรือสตราตัส (Stratus) มีลักษณะเป็นแผ่นแบนแผ่คล้ายแผ่นสำลี
นอกจากนี้ เรายังเรียกเมฆที่มีฐานเมฆสีเทา-ดำ ทำให้เกิดฝนตกว่า นิมโบ (Nimbo) หรือ นิมบัส (Nimbus)
 
                                         
                                        cloud

                                       ตารางแสดงลักษณะเมฆก้อน เมฆแผ่น และเมฆฝน


1. เมฆชั้นต่ำ (Low Clouds) เกิดขึ้นที่ระดับต่ำกว่า 2 กิโลเมตร

เมฆสเตรตัส (Stratus)
เมฆแผ่นบาง ลอยสูงเหนือพื้นไม่มากนัก เช่น ลอยปกคลุมยอดเขามักเกิดขึ้นตอนเช้า
หรือหลังฝนตก บางครั้งลอยต่ำปกคลุมพื้นดิน เราเรียกว่า “หมอก”

เมฆสเตรโตคิวมูลัส (Stratocumulus)
เมฆก้อน ลอยติดกันเป็นแพ ไม่มีรูปทรงที่ชัดเจน มีช่องว่างระหว่างก้อนเพียงเล็กน้อย
มักเกิดขึ้นเวลาที่อากาศไม่ดี และมีสีเทา เนื่องจากลอยอยู่ในเงาของเมฆชั้นบน

เมฆนิมโบสเตรตัส (Nimbostratus)
เมฆแผ่นสีเทา เกิดขึ้นเวลาที่อากาศมีเสถียรภาพ ทำให้เกิดฝนพรำๆ ฝนผ่าน หรือฝนตกแดดออก
ไม่มีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าร้องฟ้าผ่า มักปรากฏให้เห็นสายฝนตกลงมาจากฐานเมฆ

2. เมฆชั้นกลาง (Middle Clouds) เกิดขึ้นที่ระดับสูง 2 - 6 กิโลเมตร

เมฆอัลโตคิวมูลัส (Altocumulus)
เมฆก้อน สีขาว มีลักษณะคล้ายฝูงแกะ ลอยเป็นแพ มีช่องว่างระหว่างก้อนเล็กน้อย

เมฆอัลโตสเตรตัส (Altostratus)
เมฆแผ่นหนา ส่วนมากมักมีสีเทา เนื่องจากบังแสงดวงอาทิตย์ ไม่ให้ลอดผ่าน
และเกิดขึ้นปกคลุมท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้างมาก หรือปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมด

3. เมฆชั้นสูง (High Clouds) เกิดขึ้นที่ระดับสูงมากกว่า 6 กิโลเมตร

เมฆเซอโรคิวมูลัส (Cirrocumulus)
เมฆสีขาว เป็นผลึกน้ำแข็ง มีลักษณะเป็นริ้วคลื่นเล็กๆ มักเกิดขึ้นปกคลุมท้องฟ้าบริเวณกว้าง

เมฆเซอโรสเตรตัส (Cirrostratus)
เมฆแผ่นบาง สีขาว เป็นผลึกน้ำแข็ง ปกคลุมท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง โปร่งแสง
บางครั้งหักเหแสง ทำให้เกิดดวงอาทิตย์ทรงกลด และดวงจันทร์ทรงกลด เป็นรูปวงกลม สีคล้ายรุ้ง

เมฆเซอรัส (Cirrus)
เมฆริ้ว สีขาว รูปร่างคล้ายขนนก เป็นผลึกน้ำแข็ง มักเกิดขึ้นในวันที่มีอากาศดี ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้ม

4. เมฆก่อตัวในแนวตั้ง (Clouds of Vertical Development)

เมฆคิวมูลัส (Cumulus)
เมฆก้อนปุกปุย สีขาวเป็นรูปกะหล่ำ ก่อตัวในแนวตั้ง เกิดขึ้นจากอากาศไม่มีเสถียรภาพ
ฐานเมฆเป็นสีเทาเนื่องจากมีความหนามากพอที่จะบดบังแสง จนทำให้เกิดเงา
มักปรากฏให้เห็นเวลาอากาศดี ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้ม

เมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus)
เมฆก่อตัวในแนวตั้ง พัฒนามาจากเมฆคิวมูลัส มีขนาดใหญ่มากปกคลุมพื้นที่ครอบคลุมทั้งจังหวัด
ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง หากกระแสลมชั้นบนพัดแรง ก็จะทำให้ยอดเมฆรูปกะหล่ำ
กลายเป็นรูปทั่งตีเหล็ก ต่อยอดออกมาเป็น เมฆเซอโรสเตรตัส หรือเมฆเซอรัส

 

cloud copy.jpg



“เมฆ” เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการยกตัวของอากาศเท่านั้น
กลไกที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของอากาศ ในแนวดิ่งเช่นนี้ มี 4 กระบวนการ ดังนี้

1. สภาพภูมิประเทศ (terrain)
เมื่อกระแสลมปะทะภูเขา อากาศถูกบังคับให้ลอยสูงขึ้น (เนื่องจากไม่มีทางออกทางอื่น)
จนถึงระดับควบแน่นก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ

ดังเราจะเห็นได้ว่า บนยอดเขาสูงมักมีเมฆปกคลุมอยู่ ทำให้บริเวณยอดเขามีความชุ่มชื้นและอุดมไปด้วยป่าไม้

และเมื่อกระแสลมพัดผ่านยอดเขาไป อากาศแห้งที่สูญเสียไอน้ำไป จะจมตัวลงจนมีอุณหภูมิสูงขึ้น
ภูมิอากาศบริเวณหลังภูเขาจึงเป็นเขตที่แห้งแล้ง เรียกว่า “เขตเงาฝน” (Rain shadow)



1อากาศยกตัวเนื่องจากสภาพภูมิประเทศ.jpg
1. เมฆ จาก สภาพภูมิประเทศ สภาพ ภูมิประเทศ (terrain)

2. การเกิดเมฆ จากแนวปะทะ ของอากาศ (cold front / warm front)

อากาศร้อนมีความหนาแน่นต่ำกว่าอากาศเย็น
เมื่ออากาศร้อนปะทะกับอากาศเย็น อากาศร้อนจะเสยขึ้น
และอุณหภูมิลดต่ำลงจนถึงระดับควบแน่น ทำให้เกิดเมฆและฝน
ดังเราจะเคยได้ยินข่าวพยากรณ์อากาศที่ว่า
ลิ่มความกดอากาศสูง (อากาศเย็น) ปะทะกับลิ่มความกดอากาศต่ำ (อากาศร้อน) ทำให้เกิดพายุฝน



2อากาศยกตัวเนื่องจากแนวปะทะอากาศ.jpg
2. เมฆ จากแนวปะทะ ของอากาศ(cold front / warm front)


3. เมฆจาก อากาศบีบตัว (convergence)

เมื่อกระแสลมพัดมาปะทะกัน อากาศจะยกตัวขึ้น
ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงจนเกิดอากาศอิ่มตัว
ไอน้ำในอากาศควบแน่นเป็นหยดน้ำ กลายเป็นเมฆ



3อากาศยกตัวเนื่องจากอากาศบีบตัว.jpg
3. เมฆจาก อากาศบีบตัว (convergence)

4. เมฆ จากการพาความร้อน (thermal)

พื้นผิวของโลกมีความแตกต่างกัน จึงมีการดูดกลืนและคายความร้อนไม่เท่ากัน
จึงมีผลทำให้กลุ่มอากาศที่ลอยอยู่เหนือมัน มีอุณหภูมิแตกต่างกันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน
(ตัวอย่างเช่น กลุ่มอากาศที่ลอยอยู่เหนือพื้นคอนกรีตจะมีอุณหภูมิสูงกว่ากลุ่มอากาศที่ลอยอยู่เหนือพื้นหญ้า)
กลุ่มอากาศที่มีอุณหภูมิสูงมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศในบริเวณโดยรอบ จึงลอยตัวสูงขึ้น
ดังเราจะเห็นว่า ในวันที่มีอากาศร้อน นกเหยี่ยวสามารถลอยตัวอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องขยับปีกเลย



4อากาศยกตัวเนื่องจากการพาความร้อน.jpg
4. เมฆ จากการพาความร้อน (thermal)

ในการบินร่มร่อน เราจะสนใจ เมฆคิวมูลัส
ที่เกิดจากสถาพถูมิประเทศ(terrain) และการพาความร้อน(thermal)
เนื่องจากมีแรงยกสูง พอที่จะทำให้ร่มลอยขึ้นฟ้าได้
โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ใดฯ บินเงียบกว่านกอีก
เพราะนกยังต้องกระพือปีก Very Happy

แต่ถ้าแรงยกสูงเกินไป ก็อันตรายครับ Evil or Very Mad
ต้องรีบหลีกออกมาก่อน จะถูกดูดเข้าไปในลมแปรปรวนสูง



00.thermal.jpg
ล่องลอย จากเมฆก้อนหนึ่ง ไปยังอีกก้อนหนึ่ง ช่างแสนสุขใจจริงฯ






แหล่งที่มา  http://www.thaiglider.com/th/story/29-cloud.html









5 ความคิดเห็น:

  1. เนื้อหาดี มีภาพประกอบ แต่ในหัวข้อแรก ตัวหนังสือเล็กไปนะคะ

    ตอบลบ
  2. ภาพประกอบเนื้อหาดี จร้า สาระดี

    ตอบลบ
  3. ส่วนบนตักหนังสือเล็ก แต่เนื้อหาโอเคแล้ว

    ตอบลบ
  4. เนื้อหาดีอ่ะ แต่ตัวหนังสือข้างบนตัวเล็กอ่ะ

    ตอบลบ